Nonsense Drabble - Nonsense Drabble นิยาย Nonsense Drabble : Dek-D.com - Writer

    Nonsense Drabble

    drabble ไร้สาระ เพราะคนเขียนอารมณ์ดี

    ผู้เข้าชมรวม

    234

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    5

    ผู้เข้าชมรวม


    234

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  8 ธ.ค. 54 / 20:43 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    Title: Untitled
    Paring: PiN
    Language: Thai, English version will follow later
    Summary: drabble สั้นๆ ไม่มีพลอต ไม่มีสาระ เพราะคนเขียนแค่อารมณ์ดีอยากเขียน
    A/N: อารมณ์ดีเพราะเพื่อนที่ไม่รู้จักยามะพี ชมว่า ยามะพีโคตรสวยเลย อยากจีบ เลยอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      Nonsense drabble


      ในเช้าที่เงียบสงบวันนึง ร่างสองร่างที่นอนเคียงข้างกันอยู่บนเตียงกำลังหลับใหลอย่างสงบ แต่แล้วในทันใด หนึ่งในสองร่างนั้นก็เริ่มขยับตัวยุกยิกๆ ทำให้อีกร่างเพิ่มแรงกอดรัดให้คนที่ขยับตัวอยู่นิ่งๆ

       

      “...อยู่นิ่งๆ ซิพี ยังเช้าอยู่เลย...จะรีบลุกไปไหนน่ะ...” น้ำเสียงงวงเงียพูดขึ้น แล้วก็ยิ่งกอดแน่นขึ้นไปอีก

       

      “จินปล่อยก่อน...ชั้นจะไปเข้าห้องน้ำ......”

       

      แต่อีกร่างยังคงนิ่ง ทำเหมือนไม่ได้ยิงซะงั้น

       

      “ถ้าไม่ปล่อยนะ ชั้นจะอ้วกใส่หน้านายเลย”

       

      ไม่ทันขาดคำดี อ้อมกอดที่รัดตัวเขาอยู่ก็คลายออกอย่างรวดเร็ว และเมื่อหลุดออกมาได้ ยามะพีก็รีบวิ่งไปที่ห้องน้ำทันที

       

      ช่วงนี้ยามะพีมานอนที่บ้านของจิน เพราะเจ้าของบ้าน อาคานิชิ จินเพิ่งบินกลับมาจากอเมริกาอย่างเงียบๆ ได้เพียงไม่กี่วันเท่านั้น

       

      เพียงไม่นาน จินที่นอนอยู่ที่เตียงก็ได้ยินเสียงโอ๊กอ๊ากออกมาจากห้องน้ำ เขาจึงตัดสินใจลุกขึ้นไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น

       

      “เป็นอะไรไปน่ะพี?” จินเดินเข้ามาถาม

       

      “ไม่รู้เหมือนกันน่ะ อยู่ๆ ก็คลื่นไส้ ท้องมันปั่นป่วนไปหมดเลย”

       

      “ไปหาหมอมั้ย อาบน้ำแต่งตัวซะ เดี๋ยวชั้นพาไปโรงพยาบาล”

       

      “ไม่เอาอ่ะ ไม่เป็นไรหรอก นอนพักเดี๋ยวก็หายเอง ดีนะที่วันนี้ไม่มีงาน”

       

      ยามะพีที่ตอนนี้เริ่มกลับมาทำงาน หลังจากที่หยุดงานมานานถึงครึ่งปี อาจต้องมีการปรับตัวกันบ้าง เพราะไม่ได้ทำงานมานาน มีป่วยเล็กน้อยเป็นเรื่องธรรมดา

       

      “แน่ใจนะ?”

       

      “อื้ม” ยามะพีพยักหน้าให้จิน

       

      “งั้นเดี๋ยวชั้นลงไปบอกแม่ให้ทำอาหารอ่อนๆ ให้แล้วกัน”

       

      “ขอบใจนะจิน”

       

      พูดจบ จินก็เดินหายออกไปจากห้อง ก่อนจะกลับเข้ามาหลังจากเวลาผ่านไปประมาณ 40 นาที พร้อมด้วยคุณแม่ของตนเอง

       

      “โทโมะจัง เป็นยังไงบ้างลูก เห็นจินบอกว่าไม่สบาย เป็นอะไรมากมั้ย”

       

      คุณแม่คนสวยรีบตรงเข้าไปถามคนที่นอนอยู่บนเตียง ปล่อยให้ลูกชายเดินตามถือถาดข้าวมาวางไว้ที่โต๊ะข้างเตียง

       

      “ไม่เป็นไรมากหรอกฮะ คลื่นไส้นิดหน่อยเอง อีกซักพักก็คงหายแล้ว”

       

      “นิดหน่อยอะไร อ้วกออกมาตั้งเยอะไม่ใช่หรอ เมื่อเช้าน่ะ” เสียงจินดังแทรกขึ้นมา

       

      “แม่ว่าไปหาหมอหน่อยก็ดีนะ โทโมะจังต้องทำงานแล้วนี่ ไปหาหมอจะได้หายเร็วๆ ไง”

       

      “เป็นนิดหน่อยเองฮะ เดี๋ยวก็หายแล้วจริงๆ”

       

      “ถ้างั้นก็ตามใจนะจ๊ะ แต่ถ้าไม่ไหว รีบบอกนะ แม่จะให้จินรีบพาไปโรงพยาบาล”

       

      “ฮะ”

       

      “แม่ทำข้าวต้มมาให้ กินเสร็จนอนพักเยอะๆ นะ จะได้หายเร็วๆ” แล้วเธอก็หันไปพูดกับลูกชายของเธอ “ดูโทโมะจังดีๆ นะลูก แม่จะลงไปทำอย่างอื่นต่อแล้ว”

       

      “ครับ”

       

      และเมื่อแม่ของจินเปิดประตูห้องออกไปก็เห็นเจ้าพุดเดิลตัวเล็กอยู่ตรงหน้าห้องพอดีเลย

       

      “พินจัง! มาหาโทโมะจังหรอลูก เข้าไปเร้ว โทโมะจังนอนอยู่ข้างในแหนะ” เธอเปิดประตูให้กว้างกว่าเดิมเพื่อให้น้องหมาขนปุกปุยวิ่งเข้าไปหาเจ้านายทั้ง 2 คนในห้องได้

       

      พอเข้ามาในห้อง เจ้าพินก็ตรงดิ่งไปที่เตียงที่คนป่วยนอนอยู่ และพยายามตะกายขึ้นเตียง แต่ก็ถูกจินคว้าตัวเอาไว้ก่อน

       

      “ไม่ต้องเลยพิน พีต้องนอนพัก เราขึ้นมาเล่นบนเตียงไม่ได้”

       

      “ไม่เห็นเป็นไรเลยจิน ชั้นก็อยากเล่นกับพินนะ” พูดพร้อมกับยื่นมือไปรับตัวพินมาจากจิน

       

      “เป็นคนป่วยก็ต้องนอนซิ แล้วข้าวเนี่ย กินซะ ก่อนที่มันจะเย็น” จินไม่ยอมส่งพินให้กับยามะพี

       

      “ชั้นกินก็ได้ แต่กินเสร็จแล้วจินต้องให้ชั้นเล่นกับพินนะ”

       

      จินพยักหน้า แล้วนั่งลงที่พื้นตรงข้างเตียง โดยวางเจ้าพินไว้ที่ตักตัวเอง คอยมองคนป่วยที่กำลังตักข้าวมากิน

       

      .

      .

       

      “หมดแล้วจิน ที่นี้ให้ชั้นเล่นกับพินได้ยัง”

       

      “เอ้า เอาไป จะติดอะไรกันนักกันหนา มันเจอหน้านายบ่อยกว่าชั้นอีก” พูดพลางยื่นน้องหมาให้ยามะพี แล้วลุกขึ้นเก็บถาดข้าวเอาลงไปข้างล่าง

       

      “พินมันคงลืมไปแล้วมั้ง ว่านายเป็นเจ้าของน่ะจิน วันๆ มันก็เจอแต่พ่อกับแม่แล้วก็น้องนาย ยิ่งตอนนี้เรโอไม่อยู่ พินก็เหงาเป็นธรรมดา เนอะ” พูดพลางเล่นกับหมา ไม่ได้สนใจจินแม้แต่น้อย

       

      “ตามใจ อยากเล่นกัน ก็เล่นกันให้สบายใจไปเลยแล้วกัน” พูดแล้วก็เดินออกจากห้องไป

       

      .

      .

       

      จินกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง เพื่อดูว่าคนป่วยเป็นยังไงบ้าง ก็เห็นยามะพีนั่งพิงหมอนอยู่บนเตียง โดยมีหมาตัวเล็กวางอยู่ที่ตัก

       

      “จิน...ชั้นมึนหัวอ่ะ...” พอเห็นจินเดินเข้ามา ยามะพีก็หันไปบอกทันที

       

      “นั่นไง ชั้นบอกนายแล้วก็ไม่ฟัง บอกให้นอนพักก่อน แล้วมึนมากมั้ยเนี่ย” จินเดินเข้ามา ยกพินจากตักคนป่วยไปวางที่พื้น แล้วจับให้ยามะพีค่อยๆ นอนลงบนเตียง

       

      “หัวมันหนักๆ มึนๆ คลื่นไส้ด้วยอ่ะ”

       

      “เอายามั้ย เดี๋ยวชั้นไปถามแม่ให้ว่ามียาแก้มึนรึเปล่า” พูดพลางใช้มือลูบผมคนป่วยที่เจ้าตัวบ่นเสียดายซะแทบเป็นแทบตายตอนตัด มันสั้นลงตรงไหนเนี่ยพี (¬.¬)

       

      ยามะพีจับมือของจินมาวางที่แก้ม(กลมๆ)ของตัวเอง

       

      “มือจินอุ่นจัง อยู่อย่างงี้อีกแป๊บนะ” พูดแล้วก็หลับตาลง เขารู้สึกจินขยับนิ้วโป้งเกลี่ยไปตามแก้มของตัวเอง

       

      เวลาผ่านไปไม่นาน ลมหายใจเข้าออกของยามะพีก็ราบเรียบสม่ำเสมอ แสดงถึงว่าเจ้าตัวหลับไปแล้ว

       

      “หึ คนป่วยขี้อ้อน” จินหัวเราะเบา ก่อนจะดึงมือของตัวเองออกมา แล้วเลื่อนตัวเข้าไปนอนข้างๆ ยามะพี ค่อยๆ ดึงคนป่วยขี้อ้อนของเขาเข้ามากอดช้าๆ

       

      ถึงตอนนี้ช่วงนี้จะเป็นช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงต่อต้นฤดูหนาว อากาศยังไม่หนาวจัด แต่นอนกอดกันอย่างนี้ก็อุ่นดีออก ^ ^

       

      .

      .

       

      วันถัดมาและวันถัดๆ มา อาการของยามะพีก็ยังคงเดิม เช้ามาก็ยังอาเจียนทุกวัน และยังคงคลื่นไส้เวียนหัว ในวันที่มีงาน ก็ต้องไปทำงานทั้งๆ ที่คลื่นไส้น่ะแหละ พอกลับบ้านมาก็นอนพักยาว เป็นอย่างนี้เกือบทั้งสัปดาห์

       

      จนกระทั่งเวลาอาหารค่ำของวันหนึ่ง

       

      “แม่ว่าโทโมะจังน่าจะไปหาหมอได้แล้วนะ เป็นมาตั้งหลายวันไม่หายซักที”

       

      “ก็ผมไม่อยากไปหาหมอนี่ฮะ”

       

      “แต่แม่ว่าอาการที่โทโมะจังเป็นมันแปลกๆ น้า .....เหมือน......เหมือน.....อ้า นึกออกแล้ว เหมือนที่แม่เป็นตอนกำลังจะมีจินกับเรโอเลย!

       

      ทันใดนั้น ทั้งโต๊ะอาหารก็ตกอยู่ในความเงียบ แล้วทุกสายตาก็จ้องมาที่ยามะพีเป็นตาเดียว

       

      “...........”

       

      “ผมเป็นผู้ชายนะครับคุณแม่ จะมีลูกได้ยังไง!!” อายหน้าแดงเถือกไปแล้วนั่น

       

      “แต่มันเหมือนจริงๆ นะโทโมะจัง”

       

      “คุณแม่อ่ะ!!

       

      .

      .

       

      เมื่อขึ้นมาบนห้องนอน จินยังคงขำอยู่ก็เลยโดนยามะพีตีเพี้ยไปที่แขนเต็มๆ แรง

       

      “โอ้ย เจ็บนะพี ทำไมชอบทำร้ายร่างกายชั้นนักนะ”

       

      “ก็แล้วขำทำไมหล่ะ”

       

      “ก็มันน่าขำมั้ยล่ะ พีอาจจะท้องจริงๆ ก็ได้........เอาลูกสาวนะพี เอาน่ารักๆ เหมือนตุ๊กตาเลยนะ ชั้นอยากได้”

       

      “ไอ้บ้า!! หยุดเดี่ยวนี้เลยนะ” เงื้อมือจะตีจินอีกที

       

      “แต่..เอ๊ะ..เดียวก่อนนะ...ถ้านายท้อง ชั้นเพิ่งกลับมานะ แล้วนายไปท้องกับใครมาน่ะ” จินทำหน้าซีเรียสขึ้นมาซะอย่างงั้น

       

      “จะบ้าหรอจิน ชั้นไม่ได้ท้อง!!!!” ยามะพีหน้าแดงก่ำ โกรธแล้วนะ นอกจากจะแซวว่าท้องแล้วยังมีหน้ามาถามอีกว่าท้องกับใคร

       

      จินเห็นยามะพีเริ่มโกรธขึ้นมาจริงๆ ก็เดินเข้าไปกอดเอาไว้

       

      “โอ๋ๆ ขอโทษ ชั้นแซวเล่นน่ะ อย่าโกรธเลยนะ”

       

      “แล้วมันน่าโมโหมั้ยล่ะ ลองมาโดนแบบนี้มั่งซิ” พยายามดันตัวจินออก แต่จินก็ยังมือเหนียวกอดแน่นเหมือนเดิม

       

      “น่า..เลิกโกรธเถอะ พรุ่งนี้เลิกเร็วใช่มั้ย เดี๋ยวชั้นไปรับ จะพาไปโรงพยาบาล จะได้รู้สักทีว่าเป็นอะไร............................................................อีกอย่างนะ...........ต่อให้นายท้องกับใคร ชั้นก็รักทั้งนายและเด็กคนนั้นอยู่ดี ...เพราะเขาเป็นลูกของนายไง...” ประโยคหลังจินกระซิบที่ข้างหูของยามะพี ทำให้คนที่ดิ้นอยู่ในอ้อมกอดยอมอยู่นิ่ง แล้วยกมือขึ้นมาโอบรอบคอ กอดตอบจินในที่สุด

       

      “ถ้าชั้นมีลูกได้จริงๆ นะจิน....เด็กคนนั้นไม่มีทางที่จะเป็นลูกของคนอื่นไปได้หรอก...นอกจากนาย...”

       

      คำพูดนั้นทำให้อ้อมกอดของจินรัดร่างของยามะพีแน่นขึ้นไปอีก

       

      .

      .

       

      “เป็นไง หมอว่าไงบ้าง” จินถามเมื่อเห็นยามะพีเดินออกมาจากห้องตรวจ

       

      “หมอบอกว่าเครียดลงกระเพาะน่ะ ชั้นเลยทั้งมึนหัว ทั้งคลื่นไส้”

       

      “ว้า น่าเสียดายนะ แม่เลยอดได้หลานเลย นี่ก่อนชั้นออกมารับนายยังเห็นบ่นๆ อยู่เลยว่าอยากเป็นย่าก่อนอายุ 45* น่ะ”

       

      *เพี้ย*

       

      “โอ๊ย นี่มันเจ็บจริงนะ เลิกตีชั้นซะทีซิพี”

       

      “ก็นายทำตัวน่าโดนเองทำไมล่ะ พูดอีกนะ จะตีให้แขนหักเลย”

       

      “จ้าๆ กลัวแล้ว ไม่แซวแล้ว กลับบ้านกันเถอะ ป่านนี้แม่รอแย่แล้ว”

       

      .

      .

       

      จบ ฟิคไร้สาระค่ะ



      * สำหรับคนที่ไม่รู้ ตอนนี้(2011)แม่จินอายุ 42 ค่ะ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×